อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่

อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่

อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่ ตั้งอยู่ในตำบลท่าแร่ อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร เป็นหนึ่งในชุมชนคริสต์ที่เก่าแก่ที่สุดของไทย

ประวัติความเป็นมา ของ อาสนาวิหารอัครเทวดามิคาแอล ท่าแร่
พศ.2427
มิถุนายน คุณพ่อโปรดม พระสงฆ์คณะมิสซัง ต่างประเทศแห่งกรุงปารีส และครูทันครูเณราชชาวเวียดนาม เดินทางจากกลุ่มคริสตชนที่นครพนมไปสกลนคร เพื่อเยี่ยมกลุ่มคริสตชนที่มาจากประเทศเวียดนาม
15 สิงหาคม คุณพ่อโปรดม และคุณพ่อเกโก ไปสกลนครอีกครั้งหนึ่ง และโปรดศิลล้างบาปให้ผู้สมัครเป็นคริสตชนคนแรก
8 กันยายน คุณพ่อโปรดม ตั้งศุนย์คริสตชนและเปิดวัดชั่วคราวที่สกลนคร และมองให้คุณพ่อเกโกเป็นผู้ดูแล คริสตชนส่วนใหญ่เป็นชาวเวียดนาม และมีผู้สมัครเรียนค่าสอนเป็นชาวพื้นเมือง ประมาณ 40 คน
พฤศจิกายน คุณพ่อเกโกและครูทัน นำคริสตชนที่สกลนคร 20 ครอบครัว ประมาณ 150 คน ลงแพใหญ๋ทำด้วยเรือเล็กและไม้ไผ่ผูกติดกันข้ามหนองหารไปตั้งหลักแหล่งใหม่ คือ "ท่าแร่" ในปัจจุบัน
ได้มีการตั้งวัดชั่วคราว เป็นลักษณะโรงเรือนและตั้งชื่อว่า "วัดมหาพรหมมิคาแอล หนองหาร"
พศ. 2428
พฤษภาคม คุณพ่อโปรดม อุปสังฆราช กลับมาท่าแร่ อีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับคุณพ่อยอเชฟ กอมบุรีเออ คุณพ่อโปรดม สอนคำสอนชั่วคราวแก่ผู้สมัครเรียนค่าสอนประมาณ 692 คน ขณะที่คุณพ่อกอมบุรีเออ เริ่มเรียนภาษา ส่วนคุณพ่อเกโก กลับไปนครพนมและแพร่ธรรมที่อื่นๆ ต่อไป
ก่อนจะออกจากท่าแร่ คุณพ่อโปรดม คุณพ่อกอมบุรีเออ เป็นเจ้าอาวาสองแรก คุณพ่อกอมบุริเออ ลาออกจากการเป็นเจ้าอากาส เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2580 รวมเวลาอยู่ในตำแหน่งนา 52 ปี 7 เดือน
"วัดมหาพรหมมิคาเอล หนองหาร" ได้เจริญเติบโตมาเป็นวัดใหญ่ และเปลี่ยนชื่อเป็น "วัดอัครเทวดามิคาแอล ท่าแร่" เป็นอาสนวิหาร หรือวัดใหญ่ของพระอัครสังฆราชในปัจจุบัน

ลักษณะ: เป็นโบสถ์คริสต์ที่มีสถาปัตยกรรมแบบโกธิก ซึ่งโดดเด่นด้วยรูปทรงที่สูงโปร่ง และหน้าต่างกระจกสีที่สวยงาม สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1968

ประวัติ: ชุมชนท่าแร่เป็นชุมชนชาวคริสต์ที่อพยพมาจากเวียดนามในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 และได้สร้างโบสถ์แห่งนี้ขึ้นเพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชน

จุดเด่น: ภายในโบสถ์มีความงดงามและสงบเงียบ เหมาะแก่การเยี่ยมชมและถ่ายภาพ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ซึ่งจะมีการตกแต่งอย่างสวยงามตระการตา

โบสถ์แห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นศาสนสถานสำคัญ แต่ยังเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชุมชนชาวคริสต์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยอีกด้วย