|
๏ พอจวนรุ่งฝูงนกวิหคร้อง |
ประสานซ้องเซ็งแซ่ดังแตรสังข์ |
|
กระเหว่าหวานขานเสียงสำเนียงดัง |
เหมือนชาววังหวีดเสียงสำเนียงนวล |
|
อโณทัยไตรตรัสจำรัสแสง |
กระจ่างแจ้งแจ่มฟ้าพฤกษาสวน |
|
หอมดอกไม้หลายพรรณให้รัญจวน |
เหมือนกลิ่นนวลน้ำกุหลาบซึ่งซาบทรวง |
|
โอ้บุปผาสารพัดที่กลัดกลีบ |
ครั้นรุ่งรีบบานงามไม่ห้ามหวง |
|
ให้ชื่นชุ่มภุมรินสิ้นทั้งปวง |
ได้ซาบทรวงเสาวรสไม่อดออม |
|
แต่ดอกฟ้าส่าหรีเจ้าพี่เอ๋ย |
มิหล่นเลยละให้หมู่แมงภู่สนอม |
|
จะกลัดกลิ่นสิ้นรสเพราะมดตอม |
จนหายหอมแลกลอกเหมือนดอกกลอยฯ |
|
|
|
|
๏ ถึงวัดสักเหมือนพึ่งรักที่ศักดิ์สูง |
สูงกว่าฝูงเขาเหินเห็นเกินสอย |
|
แม้นดอกฟ้าคลาเคลื่อนหล่นเลื่อนลอย |
จะได้คอยเคียงรับประคับประคอง |
|
บางขนุนขุนกองมีคลองกว้าง |
ว่าเดิมบางชื่อถนนเขาขนของ |
|
เป็นเรื่องหลังครั้งคราวท้าวอู่ทอง |
แต่คนร้องเรียกเฟือนไม่เหมือนเดิม |
|
สุดาใดได้เพื่อนอย่าเฟือนพี่ |
เหมือนมณีนพรัตน์ฉัตรเฉลิม |
|
อันน้ำในใจรักช่วยตักเติม |
ให้พูนเพิ่มพิศวาสอย่าคลาดคลาย |
|
บางนายไกรไกรทองอยู่คลองนี้ |
ชื่อจึงมีมาทุกวันเหมือนมั่นหมาย |
|
ไปเข่นฆ่าชาละวันให้พลันตาย |
เป็นยอดชายเชี่ยวชาญการวิชา |
|
ได้ครอบครองสองสาวชาวพิจิตร |
สมสนิทนางตะเข้เสน่หา |
|
เหมือนตัวพี่นี้ได้ครองแต่น้องยา |
จะเกื้อหน้าพางามขึ้นครามครัน |
|
ถึงคลองขวางบางระนกโอ้อกพี่ |
แม้นปีกมีเหมือนหนึ่งนกจะผกผัน |
|
ไปอุ้มแก้วแววตาพาจรัล |
มาด้วยกันกับทั้งคู่ที่อยู่ริม |
|
คงร่วมเรือเมื่อว่าตื่นสะอื้นอ้อน |
จะคอยช้อนโฉมอุ้มไม่หยุมหยิม |
|
ให้แย้มสรวลชวนเสบยเฝ้าเชยชิม |
กว่าจะอิ่มอกแอบแนบนิทรา |
|
บางคูเวียงเสียงเงียบเซียบสงัด |
เป็นจังหวัดเวียงสวนล้วนพฤกษา |
|
ดูรูปนางบางคูเวียงเหมือนเหนียงนา |
ไม่เหมือนหน้านางนั่งในวังเวียง |
|
เห็นโรงหีบหนีบอ้อยเขาคอยป้อน |
มีคนต้อนควายตวาดไม่ขาดเสียง |
|
เห็นน้ำอ้อยย้อยรางที่อ่างเรียง |
โอ้พิศเพียงชลนาพี่จาบัลย์ |
|
อันลำอ้อยย่อยยับเหมือนกับอก |
น้ำอ้อยตกเหมือนน้ำตาพี่กว่าขัน |
|
เขาโหมไฟในโรงโขมงควัน |
เหมือนอ้นอั้นอกกลุ้มรุมระกำ |
|
โอ้น้ำในใจคนเหมือนต้นอ้อย |
ข้างปลายกร่อยชืดชิมไม่อิ่มหนำ |
|
ต้องหันหีบหนีบแตกให้แหลกลำ |
นั่นแลน้ำจึงจะหวานเพราะจานเจือฯ |
|
|
|
|
๏ ถึงบางม่วงง่วงจิตคิดถึงม่วง |
ต้องจากทรวงเสียใจอาลัยเหลือ |
|
มะม่วงงอมหอมหวนเหมือนนวลเนื้อ |
มิรู้เบื่อบางม่วงเหมือนดวงใจ |
|
เห็นต้นรักหักโค่นต้นสนัด |
เป็นรอยตัดรักขาดให้หวาดไหว |
|
เหมือนตัดรักหักสวาทขาดอาลัย |
ด้วยเห็นใจเจ้าเสียแล้วเจ้าแก้วตาฯ |
|
|
|
|
๏ ถึงบางใหญ่ให้จอดทอดประทับ |
เข้าเทียบกับกิ่งรักไม่พักหา |
|
เมื่อกินข้าวเขาก็หักใบรักมา |
จิ้มปลาร้าลองดูด้วยอยู่ริม |
|
อร่อยนักรักอ่อนปลาช่อนย่าง |
เปรียบเหมือนนางเนื้อนุ่มที่หยุมหยิม |
|
อยากรู้จักรักใคร่พึ่งได้ชิม |
ชอบแต่จิ้มปลาร้าจึงพารวย |
|
โอ้รักต้นคนรักเขาหักให้ |
ไม่พักได้เด็ดรักไม่พักฉวย |
|
แต่รักน้องต้องประสงค์ถึงงงงวย |
ใครไม่ช่วยชักนำให้กล้ำกลืนฯ |
|
|
|
|
๏ เสพอาหารหวานคาวเมื่อคราวยาก |
ล้วนของฝากเฟื่องฟูค่อยชูชื่น |
|
แต่มะแป้นแกนในจะไปคืน |
ของอื่นอื่นอักโขล้วนโอชา |
|
เห็นสิ่งของน้องรักฟักจันอับ |
แช่อิ่มพลับผลชิดเป็นปริศนา |
|
พี่จรจากฝากชิดสนิทมา |
เหมือนแก้วตาตามติดมาชิดเชื้อ |
|
แผ่นขนุนวุ้นแท่งของแห้งสิ้น |
แต่ละชิ้นชูใจอาลัยเหลือ |
|
ได้ชื่นชิมอิ่มหนำทั้งลำเรือ |
เพราะน้องเนื้อนพคุณกรุณาฯ |
|
|
|
|
๏ แล้วเข้าทางบางใหญ่ครรไลล่อง |
ไปตามคลองเคลื่อนคล้อยละห้อยหา |
|
เห็นสิ่งไรในจังหวัดรัถยา |
สะอื้นอาลัยถึงคะนึงนวล |
|
แม้นแก้วตามาเห็นเหมือนเช่นนี้ |
จะยินดีด้วยดอกไม้ที่ในสวน |
|
ไม่แจ้งนามถามพี่จะชี้ชวน |
ชมลำดวนดอกส้มต้นนมนาง |
|
ที่ริมน้ำง้ำเงื้อมจะเอื้อมหัก |
เอายอดรักให้น้องเมื่อหมองหมาง |
|
ไม่เหมือนหมายสายสวาทมาขาดกลาง |
โอ้อ้างว้างวิญญาณ์ในสาครฯ |
|
|
|
|
๏ บางกระบือเห็นกระบือเหมือนชื่อบ้าน |
แสนสงสารสัตว์นาฝูงกาสร |
|
ลงปลักเปลือกเกลือกเลนระเนนนอน |
เหมือนจะร้อนรนร่ำทุกค่ำคืน |
|
โอ้อกพี่นี้ก็ร้อนเพราะศรรัก |
ถึงฝนสักแสนห่าไม่ฝ่าฝืน |
|
แม้นเหมือนรสพจมานเมื่อวานซืน |
จะชูชื่นใจพี่ด้วยปรีดิ์เปรม |
|
โอ้เปรียบชายคล้ายนกวิหคน้อย |
จะเลื่อนลอยลงสรงกับหงส์เหม |
|
ได้ใกล้เคียงเรียงริมจะอิ่มเอม |
แสนเกษมสุดสวาทไม่คลาดคลายฯ |
|
|
|
|
๏ ถึงคลองย่านบ้านบางสุนัขบ้า |
เหมือนขี้ข้านอกเจ้าเฉาฉงาย |
|
เป็นบ้าจิตคิดแค้นด้วยแสนร้าย |
ใครใกล้กรายเกลียดกลัวทุกตัวคนฯ |
|
|
|
|
๏ ถึงลำคลองช่องกว้างชื่อบางโสน |
สะอื้นโอ้อ้างว้างมากลางหน |
|
โสนออกดอกระย้าริมสาชล |
บ้างร่วงหล่นแลงามเมื่อยามโซ |
|
แต่ต้นเบาเขาไม่ใช้เช่นใจหญิง |
เบาจริงจริงเจียวใจเหมือนไม้โสน |
|
เห็นตะโกโอ้แสนแค้นตะโก |
ถึงแสนโซสิ้นคิดไม่ติดตาม |
|
พอสุดสวนล้วนแต่เหล่าเถาสวาด |
ขึ้นพ้นพาดเพ่งพิศให้คิดขาม |
|
ชื่อสวาดพาดเพราะเสนาะนาม |
แต่ว่าหนามรกระชะกะกาง |
|
สวาดต้นคนต้องแล้วร้องอุ่ย |
ด้วยรุกรุยรกเรื้อรังเสือสาง |
|
จนชั้นลูกถูกต้องเป็นกองกลาง |
เปรียบเหมือนอย่างลูกสวาทศรียาตรา |
|
ริมลำคลองท้องทุ่งดูวุ้งเวิ้ง |
ด้วยน้ำเจิ่งจอกผักขึ้นหนักหนา |
|
ดอกบัวเผื่อนเกลื่อนกลาดดาษดา |
สันตะวาสายติ่งต้นลินจงฯ |
|
|
|
|
๏ ถึงบ้านใหม่ธงทองริมคลองลัด |
ที่หน้าวัดเห็นเขาปักเสาหงส์ |
|
ขอความรักหนักแน่นให้แสนตรง |
เหมือนคันธงแท้เที่ยงอย่าเอียงเอน |
|
ได้ชมวัดศรัทธาสาธุสะ |
ไหว้ทั้งพระปฏิมามหาเถร |
|
นาวาล่องคล่องแคล่วเขาแจวเจน |
เฟือยระเนนน้ำพร่างกระจ่างกระจาย |
|
ดูชาวบ้านพรานปลาทำลามก |
เที่ยวดักนกยิงเนื้อมาเถือขาย |
|
เป็นทุ่งนาป่าไม้รำไรราย |
พวกหญิงชายชาวเถื่อนอยู่เรือนโรงฯ |
|
|
|
|
๏ ที่ริมคลองสองฝั่งเขาตั้งบ้าน |
น่าสำราญเรียงรันควันโขมง |
|
ถึงชะวากปากช่องชื่อคลองโยง |
เป็นทุ่งโล่งลิบลิ่วหวิวหวิวใจ |
|
มีบ้านช่องสองฝั่งชื่อบางเชือก |
ล้วนตมเปือกเปอะปะสวะไสว |
|
ที่เรือน้อยลอยล่องค่อยคล่องไป |
ที่เรือใหญ่โป้งโล้งต้องโยงควาย |
|
เวทนากาสรสู้ถอนถีบ |
เขาตีรีบเร่งไปน่าใจหาย |
|
ถึงแสนชาติจะมาเกิดกำเนิดกาย |
อย่าเป็นควายรับจ้างที่ทางโยงฯ |