ประวัติโดยย่อ
สังขละบุรีเป็นเมืองเก่าตั้งแต่สมัยอยุธยา เมืองชายแดนเล็กๆ ที่ไม่เคยร้างราผู้คน จุดเปลี่ยนสำคัญของเมืองนี้เกิดขึ้น 2 ครั้ง
------------------------------------------
ชุมชนริมน้ำข้างสะพานไม้มอญ เมื่อมาถึงแล้ว อดไม่ได้ที่จะถ่ายรูปวิถึชีวิตของคนที่นี่

ครั้งที่ 1 คือราวปี 2494 เมื่อหลวงพ่ออุตตมะซึ่งเป็นภิกษุชาวมอญจากเมืองมะละแหม่ง พาชาวมอญอพยพหนีภัยสงคราม และความแร้นแค้นเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร โดยช่วยกันสร้างวัดและบ้านเรือนขึ้นเป็นชุมชนมอญ อยู่ริมแม่น้ำฝั่งตรงข้ามตัวอำเภอ จากนั้นก็มีชาวมอญอพยพเข้ามาสมทบอีก เป็นระลอกจนกลายเป็นชุมชนใหญ่
------------------------------------------------
อดีตวัด และชุมชมเริ่มแรกของชาวมอญ ปัจจุบันอยู่ใต้น้ำ บ้านเรือนและไว้ได้ย้ายขึ้นไปอยู่บนฝั่งหมดแล้ว

อ่านประวัติและดูภาพเพิ่มเติมได้ที่
http://www.thai-tour.com/thai-tour/Central/Kan/data/place/pic_sangkla.htm

ครั้งที่ 2เกิดขึ้นในราวปี 2527 เมื่อมีการสร้างเขื่อนเขาแหลม (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นเขื่อนวชิราลงกรณ) สันเขื่อนอยู่ที่ อ. ทองผาภูมิ แต่พื้นที่กักเก็บน้ำช่วงปลายเขื่อนกินถึงสังขละบุรี ไม่เพียงไร่นามากมาย ตัวอำเภอสังขละบุรี รวมทั้งวัดวังก์วิเวการามของหลวงพ่ออุตตมะและหมู่บ้านมอญ ก็ล้วนต้องจมหายไปหมดสิ้น ชาวบ้านต้องย้ายวัดและบ้านเรือนขึ้นมาตั้งกันใหม่ที่เหนือเขื่อน
--------------------------------------------------------
ภาพเขื่อนเขาแหลม หรือเขื่อนวชิราภรณ์ สาเหตุที่วัดและหมู่บ้านต้องย้าย

เป็นเขื่อนหินถมแห่งแรกของประเทศไทย ที่ดาดผิวหน้าด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ตั้งอยู่บนแม่น้ำแควน้อย ในท้องที่ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี

http://www.thai-tour.com/thai-tour/Central/Kan/data/place/pic_khaolaem-dam.htm

วันนี้ทั้งชาวมอญและอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อน กลายเป็นทรัพยากรทางการท่องเที่ยวที่สำคัญของสังขละบุรี ทั้งนี้ยังไม่นับป่าเขาลำเนาไพรและด่านเจดีย์สามองค์ซึ้งติดกับป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ป่าดงดิบซึ่งยังไม่ได้สำรวจ การมานอนพักผ่อนที่รีสอร์ตสวย ๆ และชมทิวทัศน์ริมน้ำ ข้ามสะพานไม้ไปเที่ยวชุมชนมอญ และวัดหลวงพ่ออุตตมะที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งคนสังขละเรียกอีกฝั่งว่า "ฝั่งมอญ" หรือสะดวกหน่อยก็ขับรถข้ามสะพานปูนที่อยู่ตรงถนนใหญ่ไปได้เลย
----------------------------------------------
ภาพ เจดีย์แบบพุทธคยา ที่หลองพ่ออุตตมะเป็นผู้สร้าง ซึ่งย้ายจากที่ลุ่มไปสู่ที่ดอน

ภาพเจดีย์ ด้านหน้าแบบพุทธคยาอินเดีย ศิลปะมอญ
สร้างโดยหลวงพ่ออุตตมะ และชาวมอญในสังขละ

http://www.thai-tour.com/thai-tour/Central/Kan/data/place/pic_wat-wangvivekkaram.htm

เจดีย์ ดูกันแบบชัดๆ อีกที
บนเจดีย์นี้เราสามารถชมทัศนีย์ภาพ 360 องศา ได้ทั่ว

ชาวมอญ กับศาสนาพุทธแทบแยกกันไม่ออก
ผมเดินวนเวียน ในองค์พระเจดีย์อยู่หลายรอบ ได้เห็นผู้เฒ่าผู้แก่ชาวมอญ ใส่เสื้อขาวนุ่งโสร่ง ไม่ขาดสาย
ประเพณีน่าอนุรักษ์ไปถึง หนุ่มสาวชาวมอญปัจจุบันบ้าง เกรงว่าอารยธรรมฝั่งตะวันออกของอีกฟ้ากฝั่งน้ำจะเข้ามามากเกินไป อีกหน่อยอาจไม่เห็นวิธีชีวิตแบบนี้อีก

บ้านชาวมอญ เรามารู้จักกับชาวมอญกันหน่อยว่าเป็นมาอย่างไรบ้าง
------------------------
ชาวมอญเป็นกลุ่มชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ของประเทศไทยมาช้านาน ความผูกพันของชาวไทยมอญหรือมอญในประเทศไทยเริ่มปรากฏในสมัยสุโขทัย พระร่วงเจ้าได้ตั้งพระนามให้แก่มะกะโทว่า พระเจ้าฟ้าร่วง หรือ พระเจ้าวาริหูปกครองอาณาจักรมอญ

ชาวมอญเป็นชนชาติเก่าแก่ที่เคยมีความเจริญรุ่งเรืองทางศิลปวัฒนธรรม ศาสนา และการค้าในแถบดินแดนสุวรรณ ภูมิซึ่งในปัจจุบันได้แก่ ประเทศไทย มาเลเซีย พม่า เขมร ลาว และเวียดนาม ชาวมอญเป็นชนชาติที่รักความสงบ แต่กลับถูกรุกรานจากชาติที่มีกำลังเหนือกว่าด้วยมุ่งหวังความเป็นใหญ่ จนเป็นเหตุให้มอญต้องสูญเสียแผ่นดินในที่สุด

ตามประวัติศาสตร์กล่าวว่า ชาวมอญได้อพยพเข้าสู่ดินเดนไทยหลายครั้งตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเรื่อยมาจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ รวมทั้งสิ้น ๙ ครั้ง แต่ละครั้งได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งถิ่นฐานทำมาหากินอยู่ตามสถานที่ต่างๆ รอบๆ เมืองหลวง เช่น สามโคก ปากเกร็ด พระประแดง บ้านโป่ง เป็นต้น สิ่งที่น่าชื่นชม คือ แม้ว่ามอญจะไม่มีแผ่นดินเป็นของตนเอง แต่ชาวมอญเป็นกลุ่มชนที่มีความยึดมั่นในประเพณีวัฒนธรรมของตนอย่างเหนียวแน่น

อาจกล่าวได้ว่าครั้งหนึ่งชาวมอญเคยเป็นชนชาติที่มีอารยธรรมอันยิ่งใหญ่ นับแต่บรรพบุรุษชาวมอญตั้งแต่ยุคสมัยทราวดีเป็นต้นมา ซึ่งได้สร้างสรรค์มรดกทางวัฒนธรรมของชาวมอญไว้มากมายมหาศาลทั้งในด้านลัทธิศาสนา ความเชื่อ ประเพณี พิธีกรรม ประติมากรรม ภาษา วรรณคดี การดนตรี และการบันเทิง

สิ่งเหล่านี้ได้ผังรากลึกอยู่ในดินแดนสุวรรณภูมิและประเทศไทยอันเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญแห่งการพัฒนาสู่วัฒนธรรมไทยในปัจจุบัน วิถีชีวิตของชาวมอญกับชาวไทยจึงมีลักษณะใกล้เคียงกันมาก แม้ความเชื่อ ประเพณี และการละเล่นของไทยบางอย่างก็ได้รับอิทธิพลจากมอญจนแทบไม่เห็นความแตกต่างระหว่างมอญกับไทยเลย

ทริปของผมเริ่มขึ้นจากจุดนี้ เชิงสะพานไม้มอญ ฝั่งไทย เราจะเริ่มนั่งเรือหางยาวไปชมวัดใต้น้ำ Unseen Thailand
นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อแพริมน้ำได้...อันที่จริงเพียงเราเดินมาแถวนี้ก็จะมีคนเดินมาถามเองว่าจะจ้างเรือของเขาไปเที่ยววันใช่หรือเปล่า
ราคาแล้วแต่ตกลงครับ คงขึ้นมาบ้างพอสมควรหลังราคาน้ำมันวิ่งมาเกือบ 40 บาท/ลิตร

ระหว่างรอเรือ ผมก็พบ ชาวมอญเดินไปมาบนสะพานไม้แห่งนี้
ที่นี่ผู้คนนิยมเดินกันมากกว่าครับ ผู้ที่ขี่มอเตอร์ไซด์ก็มีบ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นคนไทย

วิถึชีวิตชาวมอบเรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อ ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจริงๆ
อาหารใส่ในปิ่นโต เก็บไว้ทาน เสื้อสีขาว(เป็นส่วนใหญ่) นุ่งโสร่ง โดยเพาะคนแก่นิยมเข้าวัดสวดมนต์
ขนาดฝนตก ผมยังเห็นอุตสาห์มาวัดกันอยู่กันเต็มในโบสถ์

โบสถ์และวัดเก่า อยู่ใต้น้ำ
ไฮไล้ท์ของทริปนี้

หอไตร

ยอดเจดีย์เก่า

บรรยากาศการนั่งเรือชมทิวทัศน์

วัดวังวิเวกการาม
ตั้งอยู่ห่างจากตัวอำเภอสังขละบุรีประมาณ 3 กม. มีวิหารริมแม่น้ำประดิษฐานพระพุทธรูปหินอ่อนอันงดงาม

http://www.thai-tour.com/thai-tour/Central/Kan/data/place/pic_wat-wangvivekkaram.htm

บริเวณทางเดินในวัด

พระพุทธรูปหินอ่อน สัญญาลักษณ์ของวัดแห่งนี้

จบจากทริปวันแรก ผมไม่พลาดกับ การสำรวจตลาด ของโปรดที่อยากรู้ว่าที่นี่เขามี พืชผล สินค้าพื้นเมือง อะไรบ้าง ผมไม่สนใจที่จะซื้อหรอก แต่อยากถ่ายรูปมากกว่า

นี่ไง... ดูกันเอง มีอะไรบ้าง

ปลาหลากชนิด สด เพราะที่นี่เป็นแหล่งต้นน้ำชั้นยอดเชียว
กล่าวคือ เป็นบริเวณที่ลำน้ำสามสายมาบรรจบกันอันได้แก่ ห้วยซองกะเลีย ห้วยบีคลี่ และห้วยรันตี รวมเรียกว่า “สามประสบ” ไหลรวมกันเป็นแม่น้ำแควน้อย ซึ่งอุดมสมบูรณ์ด้วยแหล่งอาหารปลา

การที่การท่องเที่ยวช่วยโปรโมท Unseen Thailand เมืองบาดาล มีส่วนให้ความเจริญที่นี่เติบโตมากขึ้น
ผมสังเกตุด้วยตัวเอง จาก 2 ครั้งแรกที่มา เมื่อกว่า 10 ปีก่อน ต่างจากครั้งล่างสุดที่มามาก รีสอร์ทเริ่มผุดมากขึ้น ฝรั่งที่ชอบเที่ยวป่า นั่งช้างมีมากขึ้นบ้าง

ประชากรที่นี่มีประมาณ 11,000 คน แยกกัน 3 ตำบล หนองลู ไล่โว่ ปรังเผล

อยู่ภายใต้อิทธิพลของลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ทำให้มีฝนตกชุกและมีฤดูฝนที่ยาวนานกว่าที่อื่น

จึงไม่แปลก ที่ผมไปเมื่อไร ก็เจอฝนทุกวัน

เกือบลืมบอกไป ที่สังขละบุรีนี้ ก็มีคำขวัญ เหมือกัน
"สะพานไม้ ด่านเจดีย์ นทีสามประสบ มรดกทุ่งใหญ่ ไทย กระเหรี่ยง รามัญ สารพันธรรมชาติ อภิวาทหลวงพ่ออุตตมะ เมืองสังขละชายแดน สุดแคว้นตะวันตก"

ดังนั้น เมื่อมาที่สังขละฯ อย่าลืม
แวะมาเที่ยว สะพานไม้
http://www.thai-tour.com/thai-tour/Central/Kan/images/sangkla/large-pic/mon-bridge-view1.jpg

ด่านเจดีย์
http://www.thai-tour.com/thai-tour/Central/Kan/data/place/pic_dan-chedi.htm
เดี่ยวจะเล่าให้ฟังต่อ ... ผมเองก็ขับรถข้ามไปพม่ามาด้วย

ล่องเรือชมสมประสบ แหล่งที่น้ำสามสายมาประจบกัน

มรดกทุ่งใหญ่คงต้องขอ บาย ไปก่อน เดินทางลำบากไปหน่อย แต่ทริปหน้าไม่แน่

วิถึชีวิต ไทย กระเหรี่ยง รามัญ น่าแวะเข้าไปทักทาย

วัดหลวงพ่ออุตตมะ (วัดวังวิเวกการาม)

------------------------------------
ภาพสะพานไม้มอญ

เดิมเรียกว่า หินสามกอง เป็นที่สักการะของคนไทยในสมัยโบราณก่อนที่จะเดินทางเข้าสู่เขตพม่า ต่อมาในปี 2472 พระศรีสุวรรณคีรี เจ้าเมืองสังขละบุรีของไทย ได้เป็นผู้น้ำชาวบ้านสร้างเป็นเจดีย์ขนาดเล็กสามองค์ดังที่เห็นในปัจจุบันนี้ นอกจากนี้บริเวณด่านเจดีย์สามองค์ยังเป็นช่างทางเดินทัพที่สำคัญของไทยและพม่าในอดีต ปัจจุบันนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมตลาดชายแดนในเขตพม่าได้ โดยเสียค่าผ่านด่านชาวไทย 25 บาท ชาวต่างประเทศ 130 บาท ถ้าเราได้ข้ามไปฝั่งพม่า เลยไปตามทางลูกรัง ประมาณ 4-5 กม. เราจะพบ วัดเสาร้อยต้น ห่างจากชายแดนประมาณ 1 กม.จะมีตลาดของฝาก สินค้าส่วนใหญ่เป็น ไม้เฟอร์นิเจอร์ เครื่องหวาย ผ้า พลอย และของป่า
---------------------------------
http://www.thai-tour.com/thai-tour/Central/Kan/data/place/pic_dan-chedi.htm

สุดแดนไทย....

ขอคิดดูก่อนว่าจะข้ามแดน ดีไหม....
แวะทานเข้าสัก 30 นาที ร้านค้า ริมชายแดน

ปะไปกันเถอะ....ไปทำบัตรข้ามแดน

ปล.
นักท่องเที่ยวควรสอบถามข้อมูลก่อนนะครับว่า มีการปิดด่านหรือเปล่า เกรงว่าจะไปเสียเที่ยวได้ ณ ตอนนี้อาจยังมีการปิดด่านอยู่

ป้าย welcome ทำบัตรเสร็จแล้วแป๊บเดียวเอง....
ผมข้ามไปพร้อมกับรถเลย

ในพม่า เราต้องขับชิดขวานะครับ

กำลังจะข้ามอยู่แล้ว มาถึงขึ้นได้ ขอถ่ายรูปรอบๆ องค์เจดีย์อีกซะหน่อย
บังเอิญไปเห็น พระสยามเทวธิราช ผมทราบว่าเป็นองค์ที่ปกป้องสยามประเทศ
แต่ในกระทู้นี้ขอ อ้างประวัติองค์ท่านซะเล็กน้อย
---------------------------------------------------------
ประวัติความเป็นมาของพระสยามเทวาธิราช เนื่องมาจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชดำริว่า เมืองไทยมีเหตุการณ์ร้ายเกือบจะต้องเสียอิสรภาพมาหลายครั้ง แต่ก็มีเหตุให้รอดพ้นได้เสมอน่าจะมีเทพยดาคอยพิทักษ์รักษาอยู่ สมควรสร้างรูปเทพยดาองค์นั้นขึ้นไว้สักการบูชา จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์เจ้าประดิษฐ์วรการ นายช่างเอก ทรงปั้นรูปเทพยดาที่มี ลักษณะเป็นเทวรูปหล่อยืน หล่อด้วยทองคำทั้งพระองค์ งดงามได้สัดส่วน สูงประมาณ 8 นิ้ว ทรงเครื่องกษัตริยาธิราช พระหัตถ์ขวาทรงพระแสงขรรค์ พระหัตถ์ ซ้ายยกขึ้นจีบพระดรรชนีเสมอพระอุระ องค์พระสยามเทวาธิราชสถิตในเรือนแก้ว ทำด้วยไม้จันทน์แบบวิมานเก๋งจีน มีคำจารึกที่ผนังเบื้องหลังเป็นอักษรจีน แปลความว่า เทพยดาผู้สิงสถิตรักษาสยามประเทศ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงถวายพระนามว่า พระสยามเทวาธิราช ปัจจุบันประดิษฐาน ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณในพระบรมมหาราชวัง

พระสยามเทวาธิราชเป็นที่เคารพสักการะของประชาชนทั่วไป หากจะกล่าวสาบานในศาล จะต้องสาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของบ้านเมือง 3 อย่างคือ ศาลหลักเมือง พระแก้วมรกต และพระสยามเทวาธิราช
------------------------------------------
นอกจากที่กรุงเทพฯ แล้วผมเคยเห็นอีกองค์ในตัวเมือง
อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
http://www.thai-tour.com/thai-tour/Central/Srakaew/data/place/aranyaprathes.htm

เราควรรู้ไว้บ้าง ครับ ว่าสยามประเทศเรามีเทพยาดาปกป้องบ้านเมืองอยู่ ข้าศึกศัตรูมิอาจมาล่วงล้ำอธิปไตยของเราได้
แต่... คนไทยกันเองนั่นแหล่ะ แตกแยกสามัคคี อาจมีอันเป็นเหตุให้บ้านเมืองเสียหายได้

ไม่เอาล่ะ คุยเรื่องเครียดๆ....เดี๊ยวเที่ยวไม่สนุก
ผมยังมีภาพในพม่า อึกจำนวนนึง ถ้าไม่ลืมจะมาโพสท์ต่อให้ดู และแน่นอนพร้อมกับความรู้ด้วย....
ขอตัวลาไม่นอนก่อน...ดึกแล้ว

.....to be continued....

ก่อนจะข้ามไปพม่า ผมขอฝาก ข้อคิดไว้เล็กน้อย

การท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบควรศึกษาข้อมูลอย่างถี่ถ้วยก่อนเดินทาง ไม่ใช่แค่เที่ยว วัดวังวิเวการาม ด่านเจดีย์ ช็อปปิ้งของชายแดน แล้วกลับบ้าน การเที่ยวเช่นนั้นถือว่ายังไม่สมบูรณ์

ยังขาดการเรียนรู้ ความเป็นมา การดำรงชีวิตของคนท้องถิ่น ที่แตกต่าง แต่อยู่ได้อย่างพอเพียง อย่างเช่น วีถีชิวิตชาวไทยมอญในสังขละ แม้มีรายได้เพียงน้อยนิด อาจจะต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำด้วยซ้ำ เช่นการปลูกสวน เก็บของป่า ประมงน้ำจืด หรือรับจ้างต่างๆ ในตัวเมือง แต่เขาเหล่านั้นก็ดำรงชีวิตอยู่ได้

ครั้นเมื่อการท่องเที่ยวมาถึง เริ่มมีธุรกิจทีพัก ร้านอาหาร บริการขี่ช้าง นั่งเรือหางยาวชมวัดใต้น้ำ ฯลฯ ตามมาเป็นลูกโซ่
วิถึชีวิตของชาวไทยมอญ ยังไม่เปลี่ยน การแต่งกายยังเหมือนเดิม ใข้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ตรงตามปรัชญาชีวิต เศรษฐกิจพอเพียง...

มีรูปในกรอบสวยๆ มาฝาก

ได้มีโอกาสไปสังขละ รู้สึกชอบบรรยากาศที่มีน้ำล้อมรอบ สะพานไม้มอญพอข้ามไปก็จะเจอตลาดและชีวิตความเป็นอยู่ของคนมอญ เหมือนอยู่เมืองไทยเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ดูเป็นชนบทความเป็นอยู่ดูเรียบง่ายไม่ฟุ้งเฟ้อ เหมือนบ้านเราตอนนี้ ขอบอกว่าชอบมากค่ะ

น่าอิจฉาจังอยากไปมั่งอ่ะ

อยากไปๆๆ

ชำเลืองพม่า ก่อนข้าม
ถ่ายที่จุดผ่านแดน ไทย-พม่า
----------------------------------------------
ได้เวลามาโพสท์เพิ่มสักทีหลัง ปล่อยไว้เป็นเดือน

ทางไปวัดเสาร้อยต้น
ห่างจากจุดชายแดนประมาณ 3 กม. มั้ง (ถ้าจำไม่ผิด)
ขับตรงตามทางตลอด จะมีป้ายบอกทาง วัดจะอยู่ขวามือ

วัดเสาร้อยต้น เสาเป็นไม้สัก สร้างด้วยไม้ทั้งหมด ออกแบบโดยสถาปัตยกรรมชาวพม่า

พระพุทธรูปหยกขาว ศิลปพม่า

ด้านหน้าวัดเสาร้อยต้น (ประตูทางเข้า)

ทางขึ้นสู่ยอดเขาของวัด
เปรียบเสมือนบรรไดสู่สวงสวรรค์

ซูมใกล้ๆ อีก 1 shot

ทิวทัศน์โดยรอบ
บ้านเรือของชาวมอญในพื้นที่

พระสงฆ์ชาวพม่า ในวัดเสาร้อยต้น

ถนนหนทาง สู่เมืองในพม่า

อยากไปมากไม่ทรายบว่ามีที่พักถูกๆๆไหม

พณที รีสอร์ท
http://www.thai-tour.com/thai-tour/central/kan/hotel/ponnatee/

ไปมาแล้วเหนื่อยมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆขึ้นเขาประมาณ 3 ชม.ลงอีก 3ชม.
อย่าเชื่อสิ่งที่เห็นมันเป็นแค่รูปภาพ

ไปเที่ยวเถอะค่ะ มันเหนื่อยแต่คุ้มค่าเพราะมันเป็นอะไรที่หาดูไม่ได้ในเมืองกรุง ที่พักก็ไม่แพง แล้วยังได้กระจายรายได้ให้ชาวบ้านด้วย ถือว่าเป็นการอุดหนุนคนไทย

มีแผนจะไปเดือนเมษานี้ อยากได้ที่พักดีราคาถูก ช่วยแนะนำด้วย

http://www.thai-tour.com/thai-tour/Central/kan/hotel/ponnatee/

พณนที ไม่แพง
ติดน้ำ

ขอแนะนำให้ไปขอพักกับชาวบ้านฝั่งมอญได้เลย
เพราะชาวบ้านเขาใจดี
หากคุณเอ่ยปากขอเขาก็จะตอบรับเป็นอย่างดี
ขอรับรองด้วยเกียติของคนมอญ

แพลุงเณรเคยไปแล้ว แพสวย สะอาด ราคาแพต่อคืน 1000 บาท ยังไม่รวมค่าลาก ถ้าต้องการพักค้างคืนกลางแม่น้ำ จะมีค่าลาก ให้คุยกับลุงเณรได้เลย ใจดี ส่วนเราจองแพไว้แล้ว 2 หลัง 2 คืน ไป 12-14 เมย.นี้ เกือบ 20 คนเลยนะ

อยากไปจังเลย ขับรถกี่ชม. ขึ้นเขาสูงไหม เพราะกลัวความสูงมันเสียว ที่พักราคาประมาณเท่าไร ไปวันเสาร์กลับอาทิตย์จะเหนือยไหม ขับรถคนเดียวไปกันผู้หญิง 2 คนเอง

เขาสูงเหมือนกันแต่ไม่ชัน ทางคดเคี้ยวเนื่องจากเป็นถนนบนเทือกเขา

วันเดียวเหนื่อยแน่....

ควรออกเดินทางเช้าหน่อย

อยากไปจังเลย

เก็บภาพบรรยากาศยามเย็นมาฝากกัน

ต่อด้วยโบถ์สเมืองบาดาล

สะพานไม้มอญ

เจดีย์พุทธคยา

ภาพน่ารักๆ ของเด็กๆ

บรรยากาศยามเช้าจากซองกาเรีย รีสอร์ท สามารถมองเห็นสะพานมอญอยู่ไกลๆ

วัดวังก์วิเวการาม (วัดหลวงพ่ออุตตมะ)

เจดีย์สามองค์

เก็บตก

แวะเล่นน้ำกันก่อน

อย่าลืมแวะแช่น้ำพุร้อนหินดาด

ตลาดในหมู่บ้านมอญค่ะ

ฮู้วววววววววววววววววว

บ้านผมคับ บ้านผม
สวยงามมาก

ช่วยแนะนำแพที่พัก คืนละประมาณเท่าไร วิวสวยๆๆ สามรถประกอบอาหารได้ และมี่ที่กางเต้นทืด้วยได้ไหม

อยากไปมากๆๆๆ ทางคดเคี้ยวมากไหม ถนนขรุขระหรือไม่ เพราะไปเฉพาะผู้หญิง เครื่อง 1500 ซีซี ไหวไหม เหมือนทางเหนือหรือเปล่า หรือเหมือนเส้นทางเขาค้อ กลัวทางคดเคี้ยว นอน 2-3 คืน อยากได้ที่พักติดริมน้ำ ถ้ากางเต้นทืได้ละก็แจ๋วสุดๆๆๆ ราคาเท่าไร ไปประมาณ 12 คน รถ 3 คันรถเก๋ง

ตอบคห 72
ที่พักแพ ผมแนะนำ พนที (ไม่แพง)
ที่กางเต้นท์ ไม่รู้แฮะ... แต่ไม่แนะนำ เพราะที่สังขละฯ ฝนตกบ่อย

ตอบคห 73
พอได้อยู่ แบบค่อยเป็นค่อยไป
ทางพอจะคดเคี้ยวอยู่บ้าง

ชาวมอญใจดีจิงจิงแหละ เราเคยอยู่มา 2 ปี อากาศดีตลอดปีเลย

กำลังจะไปเที่ยวคร๊าบ เท่าที่หาข้อมูลได้เป็นที่ที่น่าสนใจมากๆๆ ไปวันที่ 11-12-13 ต.ค.52 นี้ วันแรกไปพักที่สามประสบรีสอร์ท ดีหรือเปล่าไม่รู้ (เพราะยังไม่เคยพัก) แต่รู้ว่าใกล้กับสะพานมอญ วันที่ 12 เป็นวันพระด้วยคงจะได้เห็นชาวมอญแต่งตัวไปทำบุญกันล่ะ จากนั้นจะกลับมาพักที่โฮมพุเตยรีสอร์ท อีกคืนแล้วค่อยกลับกรุงเทพ สำหรับเส้นทางไปสังขละบุรี สอบถามจากการสำนักงานการท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรีแล้ว เส้นทางไม่น่าจะเป็นปัญหามาก จะมีคดเคี้ยวไปตามเส้นทางภูเขาบ้าง ก็ใช้ความระมัดระวังกันสักหน่อยก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร สำหรับคุณความเห็นที่ 73 เครื่องยนต์ 1500 ผมว่าสบายๆนะ ไปเหอะ

บรรยากาศสบายๆกับสปีดโบท 140 แรง ยามาฮ่า

การแต่งกายลูกหลานชาวไทยเชื่อสายกะเหรียง

มีใบสั่งให้กราบสักการะบูชาพระสยามเทวาธิราช แต่ที่พระที่นั่งไพศาลทักษิณเข้าไม่ได้ แต่ไม่รู้ว่ามีที่ไหนนอกเหนือจากที่นี่แล้วมีที่อื่นในกรุงเทพไหม ช่วยที ขอบคุณ แต่ไม่ใช้สระแก้วนะ

ศาลหลักเมือง กทม มีไหม ?

ผมก้อเด็กสังขละบุรี คับ สังขละบุรีไม่ได้มีแค่คนมอญนะคับคนกระเหรี่ยงก้อมีคับผมก้อเป็นคนไทยเชื้อสายกระเหรี่ยงคับ เด็กโรงเรียนสหคริสเตียนศึกษาคับ

พรไพลินริเวอร์ไซด์รีสอร์ท บรรยากาศธรรมชาติ อาหารอร่อย มีเพลงฟังสบายๆ สไดล์คนกันเอง

อยู่สังขละมา 2 ปี อากาศดีค่ะ มลพิษเรียกว่าแทบไม่มีเลย หน้าฝนจะโหดหน่อย ตก 3 วัน 3 คืน ไฟดับ ประปาไม่ไหล มาหน้าฝนแนะนำนอนห้องพัดลมนะคะ เพราะไฟดับอาจจะต้องเสียค่านอนห้องแอร์ฟรี ที่พักเยอะค่ะ แต่ที่พักหน้าเทศกาลส่วนมากจะเต็ม เป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมค่ะ มีไทย มอญ กระเหรี่ยง พม่า แล้วก็แถบยุโรป เยอะมาก บางทีมองบนถนน ยังคิดเลย เมืองไทยป่ะเนี๊ยะ

คอนนี้สังขละบุรี น้ำลดลงมาก น่าเที่ยวมากๆเลย

แม่ค้าก๋วยเตี๋ยว น้องเล็ก อัธยาศัยดี บรรยากาศกันเอง หน้า โรงเรียน อุดมสิทธิศึกษา สอบถามข้อมูลที่พักในอำเภอสังขละบุรีได้ที่นี่

กิจกรรมลอยกระทงสังขละบุรี

ดันนนนนนน

แฟนผมชื่อปุ้ม (จันทรารัตน์ ชุดงาม) หายไปที่ อ.สังขละบุรี ใครเจอติดต่อกลับผมด้วย คิดถึงเค้ามาก
โทร.044-836066 , 086-7274748 แม็ค

สังขละบุรี ช่วงเดือน มกราคม 2554 อากาศเย็นมาก น่ามาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ กับ ครอบครัว มากเลย

ได้ความรู้มากเลย จะไปกับครอบครัว 31 ธันวานี้เป็นครั้งแรกที่จะไป ขอบคุณมากค่ะ ถ่ายรูปได้สวยจริงๆ กลับมาจะนำรูปมาฝากเผื่อมีอะไรเปลี่ยนแปลง